บอกเล่าเรื่องราว “อาหารพื้นถิ่นสงขลาสะท้อนภูมิปัญญาและวัฒนธรรมอาเซียน”

หน้าแรก ย้อนกลับ บอกเล่าเรื่องราว “อาหารพื้นถิ่นสงขลาสะท้อนภูมิปัญญาและวัฒนธรรมอาเซียน”

บอกเล่าเรื่องราว “อาหารพื้นถิ่นสงขลาสะท้อนภูมิปัญญาและวัฒนธรรมอาเซียน”

บอกเล่าเรื่องราว

“อาหารพื้นถิ่นสงขลาสะท้อนภูมิปัญญาและวัฒนธรรมอาเซียน”

1เบ็ญจวรรณ  บัวขวัญ 

-----------------------------------------------

         

  

                

อาหารอัตลักษณ์พื้นถิ่นสงขลา

           จากที่ได้ศึกษาพบว่า เมืองสงขลาเป็นเมืองประวัติศาสตร์ มีลักษณะเป็นแหลมอยู่ระหว่างทะเลสาบสงขลา กับฝั่งทะเลหลวง (อ่าวไทย) เมืองสงขลาเป็นพื้นที่ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางมรดกวัฒนธรรม มีวิถีชีวิตที่ งดงาม และการคงอยู่ของวัฒนธรรม ภูมิทัศน์ สถาปัตยกรรม ผังเมือง ที่เป็นศูนย์รวมของความ หลากหลายทางวัฒนธรรมทั้งไทย จีน มุสลิม และชาวตะวันตก วิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ผสมผสานของ ความเป็นพหุวัฒนธรรม ทำให้สงขลาเป็น พื้นที่เพื่อการเรียนรู้ ศึกษาประสบการณ์ที่จะได้สัมผัสกับศิลปะ ภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และ การตั้งถิ่นฐานของประชาชน มรดกทางสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ ตลอดจนการดำเนินวิถีชีวิตแบบ ดั้งเดิมของชุมชน (สมศักดิ์ ตันติเศรณี, ทวีศักดิ์ พุฒสุขขี และประมาณ เทพสงเคราะห์, 2560, น.361-400) จากการเป็นเมืองท่าและมีประวัติศาสตร์มายาวนานมีผู้คนหลายเชื้อชาติศาสนาผ่านเข้ามาในสงขลา พร้อมทั้งสงขลาเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ คือ “เมืองสองทะเล”  ทะเลสาบสงขลา ทะเลชายฝั่งอ่าวไทย มีวัตถุดิบที่เป็นอาหารทะเล 3 น้ำ น้ำจืด น้ำกร่อย น้ำเค็ม และตอนบนก็เป็นป่าดิบชื้น มีทรัพยากรพืชพรรณที่หลากหลาย  “อาหารท้องถิ่นสงขลา” หรือเราอาจจะเรียกได้ว่า “สงขลาเมืองความหลายรส” เพราะอาหารสงขลามีความหลากหลายรสชาติ ชนิด วัตถุดิบ วิถีการปรุง เป็นสูตร ดั้งเดิมตั้งแต่โบราณ  ถ้ามาสงขลาจะได้รับประทานอาหารทุกประเภท เช่น ยกตัวอย่างอาหารคาวที่มีความหลากหลายชาติพันธ์ เช่น ที่ย่านเมืองเก่าสงขลาที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยว ได้แก่ ร้านเกียด ฟั่ง เป็นร้านที่เก่าแก่ที่ขายข้าวสตู เป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองสงขลา โดยมีสูตรการทำเฉพาะของร้าน ร้านแต้เฮี้ยงอิ้ว เป็นร้านเก่าแก่ ภายในร้านขายอาหารไทยจีน มีเมนูแนะนำ คือต้มยำปลากะพงแห้ง กุ้งทอดกระเทียมพริกไทย และเต้าหู้ราดหน้าปู ภายในร้านยังมีเมนูอีกมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ลอง ชิม ร้านใต้ฟ้า ภายในร้านมีเมนูข้าวหมูแดง หมูกรอบ ขาหมู และเย็นตาโฟ ร้านเจ๊นิข้าวต้มปลา - บะหมี่เกี๊ยว เป็นร้านข้าวต้มปลา เก่าแก่ของเมืองสงขลา เต้าหู้ยัดไส้หมูสับ มะระยัดไส้หมูสับให้ได้รับประทานเล่น ร้านเจ๊โม้ย ร้านนี้มีการทำลูกชิ้นสูตรโบราณ โดยลูกชิ้นจะเป็นหมูสับปั้นเป็นก้อนกลม และนำไปนึ่ง ทานกับซอสแดงสูตรลับของทางร้าน ร้านก๋วยเตี๋ยวในรูเป็นร้านเล็กๆ ภายในร้านตกแต่ง สไตล์วินเทจ ทางร้านมีเมนูก๋วยเตี๋ยว ซึ่งเป็นก๋วยเตี๋ยวไก่ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ และเย็นตาโฟ ร้านสุกี้ยากี้ นครใน ขายสุกี้ที่มีน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้สูตรโบราณแท้ๆ ที่ทำกันชามต่อชาม ร้านป้าเอียด ร้านเก่าแก่ที่ขายเต้า คั่วสูตรโบราณ โดยการรับประทานส่วนประกอบต่างๆ คู่กับน้ำจิ้มทีมีรสชาติกลมกล่อม ร้านดีปลี เป็น ร้านอาหารอีสานฟิวชั่น เมนูแนะนำในร้านมียำปาท่องโก๋ ยำผักบุ้งกรอบ และลาบเห็ดนางฟ้าทอด ส่วนอาหารบางชนิดมีให้เห็นเกือบทุกพื้นที่ของสงขลาในร้านอาหาร ตลาดนัด เช่น ข้าวมันแกงไก่  ไก่ทอดหาดใหญ่ เต้าคั่ว มีให้เลือกทานได้หลากหลาย ทั้งกลุ่มชาวไทยพุทธ  ชาวจีน และมุสลิม สงขลาจึงเป็นเมืองที่มีความหลากหลายมีเสน่ห์ในเรื่องของอาหารที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าคนสงขลามีภูมิปัญญาหรือเทคนิคการปรุงอาหารให้เหมาะกับรสชาติของผู้คนในเมืองสงขลา จนเกิดตำรับอาหารใหม่ ๆ ขึ้นเพื่อบริโภคในชีวิตประจำวัน การผสมผสานวัฒนธรรมเรื่องอาหารการกินของผู้คนเมืองสงขลาจึงเปรียบเสมือนการเดินทางมาพบกันครึ่งทางระหว่างครัวไทยปักษ์ใต้กับครัวจีน และครัวอิสลาม ส่งผลให้อาหารพื้นบ้านของชาวเมืองสงขลามีรสอ่อน ไม่เผ็ดจัดแบบอาหารปักษ์ใต้ทั่วไป และมีรสหวานนำ

           

ความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างอาหารพื้นถิ่นสงขลากับภูมิปัญญาวัฒนธรรม วิถีชีวิต วิถีถิ่น ผู้คน และอาหารอาเซียน  

จังหวัดสงขลาเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะการอยู่ร่วมกันของชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งจะเห็นได้ว่าเนื่องมาจากสงขลาเป็นเมืองท่าเป็นเมืองชายแดนที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศ “แหลมมลายู”  ความหลากหลายนี้สะท้อนออกมาในอาหารพื้นเมืองของสงขลา ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมของประเทศต่าง ๆ ในกลุ่มอาเซียน เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งอาหารพื้นเมืองที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมของประเทศอาเซียน พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมและประเพณี  เช่น

1) ข้าวมันแกงไก่

           สงขลาได้รับอิทธิพลข้าวมันแกงไก่มาจากชาวมุสลิม เรียกว่า “นาซิดาแก” มีความหมายในภาษาไทยว่า “ข้าวมันแกงไก่” เป็นอาหารที่ชาวมุสลิมภาคใต้นิยมรับประทานเป็นอาหารหลักโดยเฉพาะมื้อเช้า ซึ่งแท้จริงแล้วความหมายของชื่อ นาซิดาแก นั้นมีหลากหลายความหมาย ส่วนหนึ่งก็ว่าหมายถึงอาหารสำหรับคนอนาถา เพราะใช้ข้าวเจ้าหุงผสมกับข้าวเหนียว หรืออีกความหมายหนึ่งมาจากการนำคำว่า "ดากัง" (dagang) ซึ่งเป็นคำภาษาอินโดนีเซียที่แปลว่าหาบ และในภาษามลายูปัตตานีจะเรียกว่า "ดาแกฺ" จึงหมายถึงข้าวของคนต่างถิ่นที่นำมาเผยแพร่ในบริเวณนี้ อย่างไรก็ตาม ทั้งนาซีดากังและนาซีเลอมักเป็นอาหารยอดนิยมในมาเลเซียทั้งสองด้านของคาบสมุทร ในตรังกานูและกลันตัน นิยมทำนาซีดากังเป็นอาหารเช้าในเทศกาลฉลองการสิ้นสุดการถือศีลอด เมื่อถูกนำเข้ามาในไทยจึงได้มีการผสมผสานดัดแปลงให้ถูกปากคนไทย และพัฒนาสูตรมาเรื่อย ๆ เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ถึงอย่างนั้นก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ที่ทำให้ “ข้าวมันแกงไก่” ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่คนมุสลิมมาถึงปัจจุบัน  จึง เรียกได้ว่า “ข้าวมันแกงไก่” เป็นอาหารพื้นเมืองที่รวมไว้ซึ่งวัฒนธรรม และความเชื่ออันหลากหลาย มีจิตวิญญาณของชาวไทยปักษ์ใต้ที่หล่อหลอมเป็นสูตรอาหารจานนี้ เพราะในครั้งอดีตถือได้ว่ามีการเปลี่ยนผ่านและการเข้ามามีอิทธิพลของหลาย ๆ ชนชาติ การสร้างสรรค์สูตรอาหารจึงเกิดขึ้นแทบตลอดเวลา เมื่อได้เห็นอาหารที่มีคุณค่า อีกทั้งยังหลอมรวมไว้ซึ่งพหุวัฒนธรรมหลากหลายเช่นนี้ยังคงสืบทอดต่อกันมาถึงปัจจุบัน

2) เต้าคั่ว

มาจากคำว่า “เต้าหู้”  หรือเต้าหู้แข็ง เป็นอาหารถิ่นของคนสงขลา มีชื่อเรียก ท่าวขัว, เถ้าขั้ว ตามสำเนียงที่ผิดเพี้ยน หรือ บางที่เรียก “สลัดทะเลสาบสงขลา”  แต่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศมาเลเซียและสิงค์โปร์ เรียกว่า โรจะก์ ส่วนทาง 3 จังหวัดชายแดน เรียก “รอเยาะ ซึ่งเป็นอาหารหลากหลายวัฒนธรรม เป็นวัฒนธรรมมุสลิมและจีนแคะ จากนั้นคนสงขลานำมาปรับสูตรและปรุง รสใหม่ให้มีรสถูกปากคนที่นี่มากขึ้น โดยการใช้น้ำส้มตาลโตนดกับน้ำตาลโตนดวัตถุดิบขึ้นชื่อของจังหวัดสงขลาเป็นส่วนประกอบทำให้มีน้ำปรุงรสที่รสชาติอร่อยและมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ถ้าเป็นของคนไทยพุทธ ก็จะใส่ครบเครื่องมีหูหมู หัวหมู ส่วนของมุสลิมก็จะมีการนำถั่วบดหรือตำมาใส่ให้มีความมันหอมอร่อย 

3) ข้าวยำ (Nasi Kerabu) เป็นวัฒนธรรมอาหารการกินอย่างหนึ่งของคนไทยในภาคใต้ สามารถหารับประทานได้ตั้งแต่ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร จนถึงยะลา นราธิวาส แม้แต่ในเขตรัฐต่างๆ ของประเทศมาเลเซียบริเวณแหลมมลายู จนถึงเกาะสุมาตราและเกาะชวาของอินโดนิเซีย แต่อาจมีหน้าตาเครื่องปรุงแตกต่างกันไปบ้างตามแต่ละท้องถิ่น มีลักษณะ: ข้าวคลุกกับสมุนไพร เช่น ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกแห้ง มะพร้าวคั่ว และน้ำบูดู  วัฒนธรรมที่เชื่อมโยง: มีความคล้ายคลึงกับ Nasi Kerabu ของมาเลเซียและ Nasi Ulam ของอินโดนีเซีย สะท้อนวัฒนธรรม: อิทธิพลจากชาวมลายูในพื้นที่ชายแดนใต้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมาเลเซีย

4) แกงเหลือง หรือเรียกอีกชื่อหนึ่ง ว่า “แกงส้ม” ที่ใส่เครื่องเทศคือขมิ้นนำเพื่อลดกลิ่นคาว เป็นอาหารเครื่องเทศร้อนแรงจากทะเลอาเซียน อีกหนึ่งอาหารเอกลักษณ์ของสงขลาคือแกงเหลือง ซึ่งมีรสเผ็ดร้อนและเปรี้ยวโดดจากขมิ้นและพริกแกง โดยใช้ปลาเป็นวัตถุดิบหลักและมักใส่ผักพื้นบ้าน เช่น หน่อไม้ดองหรือมะละกอ แกงเหลืองของไทยใต้มีความคล้ายคลึงกับแกง Gulai หรือ Kari ของอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งเป็นแกงที่นิยมในชุมชนมุสลิม และมีการใช้เครื่องเทศเข้มข้นเช่นเดียวกัน แกงเหลืองจึงถือเป็นอาหารที่สะท้อนถึงความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมและรสชาติในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างชัดเจน

5) ลูกหยี: ของว่างพื้นบ้านที่พบได้ทั่วอาเซียน  ลูกหยี หรือมะขามเทศแปรรูป เป็นของว่างพื้นเมืองที่นิยมทำในจังหวัดสงขลา โดยการนำลูกหยีมาหมัก คลุกน้ำตาล พริก และเกลือ รสชาติเปรี้ยวหวานจัดจ้านทำให้เป็นที่ชื่นชอบในหมู่เด็กและผู้ใหญ่ ความน่าสนใจคืออาหารชนิดนี้มีลักษณะคล้ายกับขนมจากมะขามเทศในประเทศฟิลิปปินส์และมาเลเซีย เช่น asam boi หรือ tamarind candy ซึ่งแสดงถึงรากวัฒนธรรมร่วมกันในภูมิภาค

สรุป   อาหารพื้นเมืองของจังหวัดสงขลาไม่เพียงแต่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะประเทศที่มีความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ ศาสนา และชาติพันธุ์ อาหารเหล่านี้จึงเปรียบเสมือนตัวกลางที่เชื่อมโยงมิตรภาพ ความเข้าใจ และการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนในภูมิภาคอาเซียน

 

ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมอาเชียนที่สะท้อนผ่านทางอาหารพื้นถิ่นสงขลา และการดำรงอยู่อย่างร่วมสมัยในปัจจุบัน

ภูมิปัญญาอาหารของพื้นที่ถิ่นสงขลาที่ร่วมสมัยกับอาเชียน (ASEAN) มีความหลากหลายและน่าสนใจ โดยเฉพาะในด้านอาหารทะเลและอาหารพื้นเมืองที่ใช้ส่วนผสมจากวัตถุดิบในท้องถิ่น และมีกระบวนการทำอาหารที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน โดยภูมิปัญญาอาหารที่ร่วมสมัยกับอาเชียน มีดังนี้

อาหารทะเล : สงขลาเป็นจังหวัดที่มีชายฝั่งติดทะเล ทำให้มีอาหารทะเลสดและอร่อยหลากหลายชนิด เช่น กุ้ง ปลา หอย ปู และปลาหมึก  นอกจากนี้ยังมีอาหารทะเลแปรรูป เช่น ปลาเค็ม ปลาหมึกอบซึ่งเป็นอาหารที่สามารถเก็บรักษาได้นานและเป็นที่นิยมในพื้นที่ที่สอดคล้องกับประเทศกลุ่มอาเซียนที่ติดทะเลจึงมีความหลากหลายของวัตถุดิบสามารถนำมาปรุงโดยใช้ภูมิปัญญาที่หลากหลายเชื้อชาติและชาติพันธุ์ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน

อาหารพื้นเมือง : สงขลามีวัฒนธรรมอาหารที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมท้องถิ่นกับวัฒนธรรมของชาวจีนและชาวมุสลิม ทำให้มีอาหารพื้นเมืองที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์ เช่น ข้าวมันไก่ ขนมจีนน้ำยา ข้าวสตู เกี๊ยวสเต็ก และขนมพื้นเมืองต่างๆ เช่น ขนมบ้าบิ่น ขนมกุ้ง ขนมกุ้ง และขนมเกี๊ยว

การใช้ส่วนผสมจากวัตถุดิบในท้องถิ่น : อาหารในพื้นที่สงขลาให้ความสำคัญกับการใช้ส่วนผสมจากวัตถุดิบในท้องถิ่น เช่น ผักผลไม้สด  และเครื่องเทศต่างๆ รวมถึงน้ำตาลโตนด

การทำอาหารที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน : การทำอาหารในพื้นที่สงขลามีความเชื่อมโยงกับประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำให้มีการสืบทอดสูตรอาหารและวิธีการทำอาหารจากรุ่นสู่รุ่น. 

การพัฒนาอาหารให้ทันสมัย : ในปัจจุบันมีการพัฒนาอาหารในพื้นที่สงขลาให้ทันสมัยและน่าสนใจมากขึ้น เช่น การปรับปรุงสูตรอาหาร การใช้เทคนิคการทำอาหารใหม่ๆ และการสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ 

การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร : การท่องเที่ยวเชิงอาหารเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการส่งเสริมภูมิปัญญาอาหารของพื้นที่สงขลา โดยการนำเสนออาหารท้องถิ่นและวัฒนธรรมการกินของชาวบ้านให้กับนักท่องเที่ยว  รวมถึงสงขลากำลังดำเนินการขับเคลื่อนให้สงขลาเป็นเมืองสร้างสรรค์ทางด้านอาหารนี่ก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่จักทำให้อาหารสงขลาเป็นอาหารร่วมสมัยของสังคมโลก

 

การขับเคลื่อนสงขลาสู่เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร/การมีส่วนร่วมและบทบาทขององค์กรต่าง ๆ
ในการขับเคลื่อน

“สินทรัพย์ที่สำคัญของเมืองทุกเมือง ก็คือผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นนั่นเอง” ชาร์ลส์ แลนดรี้

เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UCCN : UNESCO Creative Cities Network) เกิดจากการร่วมมือระหว่างชุมชนท้องถิ่นและภาครัฐในการสร้างสรรค์เมือง ผ่านการพัฒนาสภาพแวดล้อม โครงสร้างทางสังคม ระบบโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการนำสินทรัพย์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนียม ตลอดจน จารีตประเพณี ของท้องถิ่นมาผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อนำไปสู่การเป็นเมืองที่เอื้อต่อการสร้างธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมความคิดสร้างสรรค์ (Creative Industry) สมาชิกจากเมืองต่าง ๆ สนับสนุนซึ่งกันและกัน กลายเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของประเทศไทย เป็นเวทีแลกเปลี่ยน เรียนรู้ ยกระดับ และขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์ ภายใต้บริบทเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก โดยสนับสนุนให้เกิดการนำองค์ความรู้จากเมืองที่ได้รับคัดเลือกให้ เป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก มาส่งต่อให้กับเมืองเป้าหมาย ที่เตรียมตัวเสนอชื่อให้เป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก ในระยะต่อไป ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ ให้กับเมืองต่าง ๆ ในประเทศไทยที่สนใจนำแนวทางเมืองสร้างสรรค์ ไปพัฒนาเมืองสู่ความยั่งยืน โดยเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ ของประเทศไทยในปัจจุบัน ประกอบด้วย ภูเก็ต เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก ด้าน “วิทยาการอาหาร” ปี พ.ศ. 2558 เชียงใหม่ เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก ด้าน “หัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน” ปี พ.ศ. 2560 สุโขทัย เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก ด้าน “หัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน” ปี พ.ศ.2562 กรุงเทพมหานคร เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก ด้าน “การออกแบบ” ปี พ.ศ. 2562 เพชรบุรี เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก ด้าน “วิทยาการอาหาร” ปี พ.ศ.2564

สำหรับจังหวัดสงขลาเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากว่า 200 ปี 
มีสถาปัตยกรรม พหุวัฒนธรรม และอาหารที่อุดมสมบูรณ์ทั้งอาหารพื้นบ้านและอาหารพื้นเมือง ซึ่งคณะที่ปรึกษาฯ ได้นำเสนอแนวคิดเบื้องต้นที่จะช่วยผลักดันสงขลาสู่การเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ อันประกอบด้วย เสาที่ 1 แสดงออกถึงคุณค่าความหลากหลายผ่านนิเวศน์วิทยาที่มีความสอดคล้องกับลักษณะภูมิศาสตร์ เสาที่ 2 แสดงออกถึงความโดดเด่นผ่านวิถีชีวิตแบบพหุวัฒนธรรม และเสาที่ 3 แสดงออกถึงคุณค่าที่ริเริ่มโดยชุมชนในพื้นที่  ดังนั้นการขับเคลื่อนสงขลาเมืองสร้างสรรค์ทางด้านอาหาร ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ที่ดีของจังหวัดสงขลา ตลอดจนการต่อยอดกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือตั้งแต่ระดับชุมชน ภาครัฐภาคเอกชน พร้อมทั้งสถานที่ศึกษา อุดมศึกษา และมหาวิทยาลัยในจังหวัดสงขลา เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน  และในปี 2568 จังหวัดสงขลาได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของประเทศไทยให้เมืองสร้างสรรค์ทางด้านอาหาร  ซึ่งการขับเคลื่อนให้ได้เป็นเมืองสร้างสรรค์ดังกล่าว จังหวัดสงขลาให้ความสำคัญทุกหน่วยงานมีส่วนร่วมและมีบทบาท โดยมี 5 ขั้นตอนในการยกระดับศักยภาพของเมืองให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ คือ 1) รวบรวมของดีของเมือง  2) การมองปัญหาที่เมืองอยากแก้ไข เพื่อเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนและพัฒนา 3) เห็นคนเห็นเมืองและมีการจัดหมวดหมู่ให้สอดคล้องกับกิจกรรมการขับเคลื่อน 4) ตอบโจทย์ความคิดสร้างสรรค์ของเมืองสร้างสรรค์  5) สร้างกิจกรรมสร้างเครือข่ายและสร้างพลังการขับเคลื่อน ทั้ง 5ขั้นตอน จังหวัดสงขลาได้แต่งตั้งคณะทำงานมาขับเคลื่อนจากหน่วยงานองค์กรต่าง ๆ เช่น สถาบันการศึกษา ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  มหาวิทยาลัยทักษิณ  มหาวิทยาลัยราชมงคลศรีวิชัย  มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา  มหาวิทยาลัยหาดใหญ่  และวิทยาลัยอาชีวศึกษาสงขลา  เป็นต้น หน่วยงานราชการในท้องถิ่น เช่น สำนักงานจังหวัดสงขลา สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสงขลาซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อน (เจ้าภาพ) ร่วมกับองค์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน) องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เป็นต้น ส่วนองค์กรต่าง ๆ เช่น ภาคีคนสงขลา สมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา เป็นต้น

การรักษาต่อยอดและสร้างมูลค่า อาหารพื้นถิ่นสงขลาและอาเซียนสู่สายตาโลก

          จากที่กล่าวมาข้างต้นสงขลามีความหลากหลาย มีประวัติศาสตร์ แหล่งโบราณคดี  เป็นเมืองท่าที่สำคัญ มีทรัพยากรธรรมชาติที่แตกต่างจากจังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้ ทำให้ก่อเกิดภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมมากมาย โดยเฉพาะด้านอาหาร เราจะเห็นได้ว่าการขับเคลื่อนสงขลาเป็นเมืองสร้างสรรค์ทางด้านอาหารมีกระบวนการ จังหวัดสงขลาเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งความสวยงามทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมที่กำลังผลักดันสู่เมืองมรดกโลก รวมถึงการพัฒนาด้านเกษตรกรรมตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการยกระดับประเทศไทยให้เป็นครัวของโลก ส่วนการส่งเสริมท่องเที่ยวเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของจังหวัดสงขลา ได้มุ่งพัฒนาคุณภาพให้ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวชุมชน ชู Soft power อัตลักษณ์เมนูอาหารพื้นถิ่นเมืองสงขลาให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามเเนวคิด Gastronomy Tourism ทั้งยังปลูกฝังให้ประชาชนรู้จักอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อต่อยอดวัฒนธรรมด้านอาหาร เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ อันจะช่วยสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชนให้เกิดความยั่งยืนต่อไปสงขลาเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา มีประชากรกว่า 1.4 ล้านคน เป็นทั้งศูนย์กลางทางธุรกิจ การศึกษา และการคมนาคม มีโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมต่อกันอย่างดีทั้งสนานบินนานาชาติ เส้นทางรถยนต์ เส้นทางเรือ และเส้นทางรถไฟไปยังกรุงเทพฯ และมาเลเซีย สงขลาเป็นจุดหมายที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศได้มากกว่าปีละ 3 ล้านคน เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย 5 แห่ง ที่ผลิตบัณฑิตคุณภาพออกสู่สังคม มีนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ที่มีจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศอย่างครบถ้วน  นอกจากหมุดหมายของการเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารขององค์การยูเนสโกแล้ว สงขลายังตั้งเป้าหมายในการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก ซึ่งแหล่งมรดก “สงขลา และชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลา” ได้รับการบรรจุเข้าในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น “Tentative List” ขององค์การยูเนสโกแล้ว สงขลาได้ตั้งเป้าหมายในการเป็นเมืองกีฬา (Sport City) ซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขัน “กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33” ในช่วงเดือนธันวาคม 2568 และเป็นเมือง MICE City เนื่องจากมีศูนย์การประชุมที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของประเทศไทย และมีโรงแรม สถานประกอบการที่สามารถรองรับการจัดประชุมในระดับนานาชาติได้อย่างครบถ้วน เราเชื่อมั่นว่าวิทยาการอาหารของสงขลาจะเข้าไปมีส่วนร่วมในทุกมิติของหมุดหมายในการขับเคลื่อนเมืองได้เป็นอย่างดี  จึงทำให้เกิดการรวบรวมและเผยแพร่องค์ความรู้ภูมิปัญญาด้านอาหาร มีโรงงาน สถานประกอบการด้านอาหารที่ได้มาตรฐาน มีหลักสูตรและสถาบันวิจัยและนวัตกรรมอาหาร มีกลุ่มผู้ประกอบการด้านอาหารที่รังสรรค์เมนูอาหารโดยใช้พื้นฐานภูมิปัญญาและวัตถุดิบของท้องถิ่น มีพื้นที่ปลอดภัยในการบริโภคอาหารต่างวัฒนธรรม มีพื้นที่จัดงานเทศกาลอาหารที่ครอบคลุมในทุกพื้นที่ 16 อำเภอของจังหวัดสงขลา รวมทั้งมีแหล่งเรียนรู้ด้าน 3 วัฒนธรรมด้านอาหารเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น มีตลาดชุมชนที่สะท้อนพหุวัฒนธรรมอาหารตามประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองสงขลานำเสนอเมืองในนิยาม เสน่ห์สงขลา “เมืองสองทะเล สามน้ำ” เพื่อมุ่งสู่ “Songkhla Gastronomy for Health and Wellbeing” เพื่อให้ประชาชนทุกช่วงวัยทุกกลุ่มมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี มีคุณภาพชีวิตทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม ที่ดีจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนเมืองสงขลา

เกิดจากกระบวนการดังกล่าวที่ผ่านมาจึงเห็นได้ว่าสงขลามีศักยภาพหลายด้าน แต่ทุกด้านเชื่อมโยงกับวิถีชีวิต การกิน อาหารจึงเป็นเครื่องมือในการพัฒนาสงขลาที่สำคัญจึงไม่ต้องพูดถึงว่าเราจะการรักษาต่อยอดและสร้างมูลค่าอาหารพื้นถิ่นสงขลาและอาเซียนสู่สายตาโลกอย่างไร  มีวัฒนธรรมร่วมสมัยกับสังคมโลกต่อไป

    

 

1นักวิชาการศึกษา สถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ

แชร์ 117 ผู้ชม

ภูมิปัญญาท้องถิ่น

องค์ความรู้