หน้าแรก ย้อนกลับ วัดคูหาภิมุข (วัดหน้าถ้ำ)
วัดคูหาภิมุข (วัดหน้าถ้ำ)
สุวิมล ละอองพันธ์
วัดคูหาภิมุขหรือวัดหน้าถ้ำ ตั้งอยู่ที่ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา เป็นวัดที่สำคัญ และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดยะลา เดิมทีวัดคูหาภิมุขมีชื่อว่า วัดหน้าถ้ำ ก่อนจะได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดคูหาภิมุข ในสมัยของท่านจอมพลแปลก พิบูลสงคราม ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
ภายในวัดประกอบไปด้วยถ้ำขนาดใหญ่สมดังชื่อแต่เดิมที่ใช้ชื่อว่า วัดหน้าถ้ำ มีประดิษฐาน พระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ มีพระพุทธรูปเก่าแก่หลากหลายองค์ นอกจากนี้ภายในถ้ำยังมีหินงอกหินย้อยที่เสริมสร้างความสวยงาม และน้ำที่ไหลออกมาตามโขดหิน สิ่งนี้เรียกได้ว่าธรรมชาติจัดสรร มีพิพิธภัณฑ์ที่ชื่อว่า ศรีวิชัยสำหรับโบราณวัตถุที่ได้มาจากภายในวัดถ้ำหรือวัดคูหาภิมุข
เมื่อเดินขึ้นไปบริเวณปากทางเข้าถ้ำสิ่งแรกที่เห็นเด่นชัด และเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของวัดคูหาภิมุข คือ
รูปปั้นยักษ์ขนาดใหญ่ที่ถือกระบองยืนเฝ้าอยู่หน้าปากทางเข้าถ้ำ ลักษณะของยักษ์นั้นสร้างมาจากคอนกรีต มีความสูงประมาณ 6 เมตร รูปร่างหน้าตาคล้ายกับเงาะป่าซาไก มีผมหยิกหยักศก หนวดเครารุงรัง ดวงตาปูดโปน มีเขี้ยวงอกออกมาบริเวณริมฝีปาก มีงูบองหลา (งูจงอาง) เป็นสายสร้อยคล้องคอ ต้นแขนทั้งสองข้างปั้นปูนเป็นสายรัดต้นแขนประดับด้วยหน้าบุคคลอย่างหน้ากากพรานบุญ ร่างกายท่อนล่างทำเป็นผ้านุ่งเหลืองมีลวดลายคล้ายการนุ่งด้วยหนังเสือ มือทั้งสองกุมกระบองที่มีหัวกะโหลกมนุษย์เป็นด้ามท้าย แนบไว้กลางลำตัวอย่างทะมัดทะแมง ส่วนเท้าเปลือยเปล่าไม่สวมรองเท้า ชาวบ้านเรียกรูปปั้นยักษ์ที่ยืนอยู่ปากทางเข้าถ้ำว่า พ่อท่านเจ้าเขา โดยท่านเจ้าเขานั้นเป็นยักษ์ป่าที่ถูกสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือพื้นบ้าน
ท่านเจ้าเขาถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2484 ซึ่งเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้หลักผู้ใหญ่ และชาวบ้านในสมัยนั้นเชื่อว่าการสร้างท่านเจ้าเขาขึ้นมาจะเป็นการเรียกขวัญกำลังใจให้แก่ชาวบ้าน ซึ่งยังมีความเชื่อที่ว่าท่านเจ้าเขาคอย
ปกปักษ์รักษาชาวบ้านหน้าถ้ำให้พ้นภัย และยังเป็นการป้องกันรักษาองค์พระพุทธไสยาสน์ภายในถ้ำอีกด้วย
ต่อมาความเชื่อเกี่ยวกับท่านเจ้าเขาก็ได้ถูกเล่าขานกันรุ่นสู่รุ่น มีทั้งตำนานที่เล่าว่าท่านเจ้าเขานั้นมีหน้าที่เฝ้า
ถ้ำคูหาภิมุขไม่ให้ผู้ใดเข้ามาขโมยทรัพย์สมบัติที่ถูกฝังเอาไว้ภายในถ้ำไปได้ ในอดีตมีโจรพร้อมด้วยลูกสมุนพยายามเข้ามาขโมยทรัพย์สมบัติแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเพราะว่าถูกยักษ์ทุบตีด้วยกระบองจนถึงแก่ความตาย นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่ว่ายักษ์ตนนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถบันดาลให้ผู้คนเกิดความสงบร่มเย็น หากผู้ใดทำผิดศีลธรรมหรือทำเรื่องร้ายแรงก็สามารถดลบันดาลให้มีอันเป็นไป แต่ถ้าหากผู้ใดตั้งมั่นในศีลธรรมก็จะมีความสุขตลอดไป
นอกจากจะมีรูปปั้นยักษ์พ่อท่านเจ้าเขาแล้วนั้นยังมีรูปปั้นองค์ฤาษีที่อยู่แถวบริเวณหินงอกหินย้อยซึ่งน้ำที่
ไหลหยดลงมาจากหินนั้นได้ถูกเล่าขานว่า น้ำนี้คือน้ำศักดิ์สิทธิ์สามารถเอามือแตะน้ำมาพรมที่ตัวหรือหัวก็ได้เพื่อ
เสริมความสิริมงคลแก่ตนเอง และจุดเด่นอีกหนึ่งจุดนั่นก็คือพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ มีความยาว 81 ฟุต 1 นิ้ว ชาวบ้านเรียกว่า พ่อท่านบรรทม พระพุทธไสยาสน์องค์ปัจจุบันที่เราเห็นกันนั้นได้ถูกสร้างทับแทนองค์เดิมที่ใช้โครงไม้ไผ่
จัดสานเป็นตะแกรงโบกด้วยดินดิบ พระนอนองค์นี้มีความแตกต่างจากพระองค์อื่นคือมีพญานาคทอดตัวอยู่เหนือพระองค์ และแผ่พังพานปกอยู่เหนือเศียร
ทั้งนี้วัดถ้ำหรือวัดคูหาภิมุขในปัจจุบันนั้นยังคงเป็นสถานที่ที่สำคัญ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกหนึ่งที่ที่หากใครมาเที่ยวจังหวัดยะลาแล้วชื่นชอบศาสนสถานที่มีธรรมชาติรายล้อมคงต้องอย่าพลาดกับการเข้าไปกราบไหว้หรือเยี่ยมชมความสวยงามของสถานที่
เทศบาลนครยะลา. (มปป). วัดคูหาภิมุข. https://bit.ly/3YBYDK7Bloggang. (2564). วัดคูหาภิมุข จังหวัดยะลา. https://shorturl.asia/uxcCGสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา. (มปป). ๘๐ ปี ประติมากรรมพ่อท่านเจ้าเขา – ตำนานยักษ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งเมือง ยะลา. https://shorturl.asia/BcXU9
แชร์ 2037 ผู้ชม